สินค้าประเภทแก้ว เป็นสินค้าที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์ ต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะนำมาจำหน่าย เพราะการขนส่งนั้นทำได้ลำบากกว่าสินค้าประเภทอื่นมาก สินค้าประเภทแก้วทุกชิ้น ไม่ว่าเป็นแบบไหน เมื่อนำมาใส่ กล่องไปรษณีย์ หรือกล่องกระดาษลูกฟูก โดยปราศจากวัสดุอื่นๆ มาช่วยห่อหุ้ม แน่นอนว่าเมื่อถึงผู้รับปลายทาง ก็มักจะแตกหักเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จึงมักหลีกเลี่ยงสินค้าที่ทำจากแก้ว และเซรามิคต่างๆ เพราะไม่อยากให้เกิดการชำรุดในกระบวนการขนส่ง แต่อย่างไรก็ตาม หากสินค้าที่เราหาได้นั่นก็คือ แก้วเซรามิค หรือสินค้าประเภทแก้วต่างๆ แม้ว่ามันจะแตกหักได้ง่าย เมื่อต้องส่งให้ผู้รับปลายทาง เราก็สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยใช้วิธีการป้องกันการแตกหักต่างๆ บทความนี้เราจะรวมวิธีการลดแรงกระแทก เมื่อต้องขนส่งสินค้าเหล่านี้ มาดูกันเลยว่าจะทำได้ด้วยวิธีใดบ้างมาดูกันเลย
1. ใช้กระดาษเหลือใช้มาลดแรงกระแทก
ในการขนส่งสินค้าประเภทแก้ว และของที่แตกหักได้ง่ายนั้น วิธีการลดแรงกระแทกที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ การใช้วิธีห่อด้วยกระดาษเหลือใช้ เนื่องจากการห่อด้วยเศษกระดาษเหลือใช้นั้น เมื่อมีแรงกระแทกจากภายนอก สิ่งที่จะมารับแรงกระแทกนั้นก็คือเศษกระดาษ หากเราห่อโดยมีความหนาเพียงพอ
เราก็มั่นใจได้ว่าจะส่งสินค้าประเภทแก้ว หรือเซรามิค ไปถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยหายห่วง ไม่ต้องกลัวสินค้าจะแตกหักไปเสียก่อน หากสินค้าที่ไม่ห่อด้วยเศษกระดาษก็ควรมีวิธีอื่นๆ เพื่อป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก มิฉะนั้นสิ่งของที่เราจัดส่งจะมีโอกาสเสียหายสูงมาก
2. ใช้ก้อนโฟมห่อหุ้ม
นอกจากการใช้เศษกระดาษเหลือใช้ หรือเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ มาห่อหุ้มอุปกรณ์ประเภทแก้ว และเซรามิคของเราได้แล้ว เรายังสามารถใช้ก้อนโฟมมาห่อหุ้ม ไม่ให้สิ่งของที่เราต้องการส่งแตกหักได้อีกด้วย การใช้ก้อนโฟมนั้นจะต้องตัดให้เข้ารูป กับสิ่งของที่เราต้องการจัดส่งพอดี โดยข้อดีของการใช้ก้อนโฟมนั่นก็คือ การช่วยล็อคไม่ให้สิ่งของที่เราต้องการจัดส่งเคลื่อนไหวได้ง่าย ป้องกันไม่ให้แรกกระแทกมาถึงสิ่งของที่เราจัดส่ง
โดยทั่วไปการใช้ก้อนโฟมไม่ได้มีความนิยมสำหรับสินค้าประเภทแก้ว หรือเซรามิคเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมสำหรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย เพราะของเหล่านี้นั้นสามารถเกิดการชำรุดได้ง่ายมาก จึงต้องมีกระบวนการห่อหุ้ม และล็อคให้นิ่ง ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการขนส่ง มิฉะนั้นหากเกิดการชำรุดขึ้นมา ความเสียหายจะสูงมากๆ เทียบไม่ได้กับค่าอุปกรณ์ห่อหุ้มเหล่านี้เลย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
3. ใช้บั๊บเบิ้ลกันแรงกระแทก
หากสินค้าของเราไม่ได้มีน้ำหนัก หรือขนาดที่ใหญ่มากเกินไป การใช้แผ่นพลาสติก สำหรับรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ จะช่วยประหยัดทรัพยากรโลกได้มากกว่า การใช้ก้อนโฟมเยอะ เพราะการผลิตแผ่นพลาสติกกันกระแทกนั้น จะเน้นใส่อากาศเข้าไปเพื่อให้พลาสติกฟูขึ้น และเต็มไปด้วยอากาศ โดยเรานำมาหอสิ่งของต่างๆ ที่ทำจากแก้วได้ จะช่วยลดแรงกระแทก โดยใช้ฉนวน สำหรับรับแรกกระแทกนั่นก็คือ อากาศเป็นหลัก
เพราะจะช่วยเบาแรงกระแทกได้ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม แผ่นพลาสติกนั้น จะใช้อากาศเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้นเราไม่ควรใช้สำหรับสินค้าประเภทแก้วน้ำโดยตรง เพราะแก้วน้ำมักไม่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม อาจจะติดแผ่นพลาสติกได้ยาก สิ่งของประเภทอิเล็กทรอนิกส์ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ก็สามารถใช้แผ่นพลาสติกห่อหุ้มได้เช่นกัน
4. ลดช่องว่างภายในกล่องให้เหลือน้อยที่สุด
หลังจากที่ห่อบับเบิ้ลกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่หากว่าภายในกล่องของเรายังเหลือช่องว่างอยู่ ก็แสดงว่า ยังมีโอกาสเสี่ยง ที่สินค้าจะเคลื่อนไปมาอยู่ภายในกล่อง ดังนั้นเราจึงต้องมีตัวช่วยในการลดช่องว่างให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศษบับเบิ้ล, ถุงลมกันกระแทก, โฟมตัวหนอนกันกระแทก, กระดาษฝอยกันกระแทก เป็นต้น
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5. แพ็คกล่องให้ปลอดภัยด้วยสก็อตเทป และเชือก
จัดการกับสินค้าภายในกล่องกันเรียบร้อยแล้ว สำหรับการแพ็คตัวกล่องพัสดุก็ละเลยไปไม่ได้เลยเหมือนกัน เพราะถ้าเราแค่ปิดกล่อง แพ็คไม่แน่นหนาพอ โอกาสของความเสี่ยงก็ยังมีอยู่อยู่ดี ฉะนั้น ในขั้นตอนการปิดกล่อง ก็ควรจะใช้สก็อตเทป ปิดไปตามแนวช่องว่างของกล่องทั้งหัวและท้าย และเพิ่มความปลอดภัยด้วยการผูกเชือกไว้ที่กล่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเคลื่อนย้ายกล่องได้ง่าย ลดโอกาสการตกหล่นระหว่างการเคลื่อนย้าย
6. เขียนข้อความกำกับหน้ากล่องขนส่งว่า ระวังของแตก
เทคนิคสุดท้าย นี่อาจจะเป็นวิธีเบสิคสำหรับร้านค้าหลายๆ ร้าน แต่ก็เชื่อว่ายังคงเป็นวิธีที่ใช้งานได้อยู่ นั่นคือการแจ้งเจ้าหน้าที่ขนส่ง ให้ช่วยระมัดระวังสินค้าของเราให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเขียนแจ้ง หรือกำกับไว้อย่างชัดเจนว่า ระวังของแตก ในเมื่อดูแลเองไม่ได้ ก็คงต้องฝากพี่ๆ เจ้าหน้าที่ขนส่งให้คอยดูแลให้แล้วกัน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สรุป
นอกจากจะเลือกวัสดุในการห่อหุ้ม เพื่อไม่ให้สินค้าประเภทแก้ว และเซรามิคของเราแตกหักได้ง่าย ระหว่างการขนส่งแล้ว ทางที่ดี เมื่อเราแพ็คของใส่กล่องไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว เราจำเป็นต้องคำนึงบริษัทขนส่งด้วย ว่าจะสามารถฝากส่งกับบริษัทใด ที่มั่นใจได้ว่าจะมีระบบจัดการกับสินค้าดังกล่าว มีวิธีป้องกันการกระแทกในการขนส่งสินค้าของเรา จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า สินค้าของเราจะส่งให้กับผู้รับโดยไม่มีการชำรุดใดๆ เกิดขึ้น
ซึ่งหากเราสามารถส่งสินค้าประเภทแก้ว ไปยังผู้รับได้ โดยไม่เกิดปัญหาใดๆ เราจะโชคดีมาก เพราะกระบวนการส่งสินค้าประเภทนี้ทำได้ยาก ไม่ค่อยมีร้านค้าออนไลน์อยากขายสินค้าประเภทแก้วมากนัก เราจึงไม่ค่อยมีคู่แข่ง เพียงแต่ต้องหากลยุทธ์ในการส่งมอบสินค้า ไม่ให้เกิดปัญหาการชำรุด ระหว่างการขนส่งขึ้นได้ และยังทำให้ร้านของเรา มีโอกาสได้รับรีวิวที่ดีจากลูกค้าอีกด้วย ทำให้ร้านของเรามีความน่าเชื่อถือ และขายของได้ง่ายขึ้นในอนาคต